วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ผู้ให้แก่ปวงชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
พระมหากษัตริย์สุดที่รักของคนไทย
     ‘‘เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม’’เป็นพระปฐมบรมราชโองการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชฐานแก่ชาวไทย ซึ่งแสดงถึงความห่วงใยและความใส่พระทัย ที่พระองค์ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงใส่พระทัยในการทรงงานทุกๆชิ้นเพื่อให้ปวงชนชาวไทยมีความสุขมีความสบายและมีความร่มเย็นในการใช้ชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดินไทย  นับจากวันนั้นจนกระทั่งถึงทุกวันนี้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากกว่า ๖o ปี ที่พระองค์ต้องทรงงานหนัก ทรงเหน็ดเหนื่อ เพื่อความสุขของเราชาวไทย ซึ่งพระองค์ถือว่าเป็นลูกของพระองค์ทุก๐คน ลูกที่ต้องดูแล
        พระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชสมภพ เมื่อ วันจันทร์ ที่ ๕ ธันวาคม พุธศักราช ๒๔๗o   โรงพยาบาลเมาท์ออเบิน  เมือง  เคมบริดจ์ มลรัฐแมสซาชูเซตส์  ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์เล็กใน สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช  กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  และ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี  พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า)และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์  ซึ่งภายหลังทั้งสองพระองค์ได้รับการเฉลิมพระนามาภิไธย  เป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินีและพระเชษฐา คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
       เมื่อพระชนมายุได้ ๕  พรรษา ได้เสด็จเข้ารับการศึดษาชั้นต้น    โรงเรียนมาแตร์เดอี  กรุงเทพฯ  จนถึงพุธศักราช ๒๔๗๖ จึงเสด็จไปประทับ ณ  เมืองโลซานน์  ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พร้อมด้วยเสด็จพระบรมราชชนนี  พระเชษฐภคินีและพระเชษฐา  เพื่อทรงศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษา  ในโรงเรียนเมียร์มองต์  ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส  ภาษาเยอรามัน  และภาษาอังกฤษ  จากนั้นทรงเข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา    เอกอล  นูแวล  เดอ  ลา  ชืออิส  โรมองต์  เมือง  แชลลี-ชือ-โลซานน์  ทรงได้รับประกาศนียบัตรทางอักษรศาสตร์จากยิมนาสกลาชีค  กังโดนาล  แห่งเมืองโลซานน์  แล้วทรงศึกษาในมหาวิทยาลัยโลซานน์  โดยทรงเลือกศึกษาแขนงวิชาวิศวกรรมศาสตร์
       ปีพุธศักราช  ๒๔๗๗  พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอานันทมหิดลเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์  รัชกาลที่ ๘ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์  พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าภูมิพลอดุลยเดช  จึงทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ  เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช  โดยเสด็จพระราชดำเนิน  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอนันทมหิดล  นิวัตประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ โดยประทับ ณ พระตำหนักจิตรดารโหฐาน  พระราชวังดุสิต  เป็นการชั่วคราว  แล้วเสด็จกลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล  นิวัติประเทศไทยเป็นครั้งที่ ๒ ครั้งนี้ประทับ ณ พระที่นั่งบรมพิมาน  ในพระบรมมหาราชวัง 
      เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล  เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน  พุธศักราช ๒๔๗๙  รัฐบาลในนามของประชาชนทั้งประเทศได้เข้าเฝ้าฯ  สมเด็จพระศรีนคริทราบรมราชชนนี  กราบบังคมทูลฯขอพระราวทานอัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงสืบราชสมบัติ ในวันเดียวกัน   แต่เนื่องจากยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการศึกษา  จึงต้องเสด็ดจพระราชดำเนินกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์อีกครั้ง  ในเดือนสิงหาคม  พุธศักราช ๒๔๘๙  เพื่อทรงศึกษาต่อ    มหาวิทยาลัยแห่งเดิมในครั้งนี้  ทรงเลือกศึกษาวิชากฎหมายและวิชารัฐศาสตร์  แทนวิชาวิศวกรรมศาสตร์ที่ทรงศึกษาอยู่เดิม  เพื่อให้เหมาะสมกับการที่ต้องทรงดำรงตำแหน่งพระมหากษัตริย์ต่อไป
     ระหว่างที่ประทับศึกษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ และหม่อมหลวงบัว(สนิทวงศ์) กิติยากร  ต่อมาทรงหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์  กิติยากร ในวันที่ ๑๙  กรกฎาคม พุธศักราช ๒๔๙๒    เมืองโลซานน์  ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
     ในพุทธศักราช ๒๔๙๓ เสด็จพระราชดำเนินนิวัติพระนคร ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมาในวันที่ ๒๘ เมษายน ปีเดียวกัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์  ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง  (เป็นพระราชประวัติโดยสังเขป)
      ในระยะเวลาเกือบ ๖๕ ปีที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศโดยเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศต่างๆทั้งทวีปยุโรป เอเชีย และ อเมริกา เพื่อเจริญพระราชไมตรีกับนานาประเทศ เพื่อพัฒนาประเทศและราษฎรของไทยให้ทัดเทียมกับประเทศและชนชาติอื่นๆและยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอีกนานัปการภายในประเทศ พระองค์ได้เสด็จเยี่ยมเยือนราษฎรทุกพื้นที่แม้กระทั่งในชนบทที่อยู่ห่างไกลทั้งในป่าลึกและยอดเขาไม่ว่าจะทุรกันดานเพียงใดหากที่นั้นมีพสกนิกรของพระองค์อยู่แล้ว พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินถึงทุกแห่ง เพื่อรับทราบปัญหาต่างๆของราษฎรด้วยพระองค์เอง และเมื่อพระองค์ทรงทราบถึงความเป็นอยู่ที่ยากลำบากและปํญหาต่างๆของราษฎรโดยถ่องแท้แล้วนั้น พระองค์จะทรงคิดค้นวิการแก้ปัญหาแล้วจึงทรงพระราขทานพระราชดำริตั้งโครงการหลายๆโครงการ หรือที่เรียกกันว่า โครงการในพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือราษฎรของพระองค์ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น พร้อมทั้งพัฒนาให้ดีขึ้น เพื่อให้ราษฎรสามารถช่วยเหลือตนเองได้ อาทิ เช่น โครงการตามพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียงที่สอนแนวทางการใช้ชีวิตทางสายกลางแก่ปวงชนชาวไทย สอนการใช้ชีวิตอย่างพอดีรู้จักที่จะใช้จ่ายรู้จักที่จะอดออม รู้จักวีธีการทำการเกษตรที่ยั่งยืน อีกทั้งมีโครงการเกี่ยวกับการศึกษา การเกษตร ตามพระราชดำริอีกมากมาย ซึ่งล้วนล้วแต่เป็นประโยชน์แก่ราษฎรชาวไทยทั้งสิ้น  พระอง๕ทรงเป็นแบบอย่างในหลายๆด้านให้แก่ราษฎร ซึ่งนอกจาก ด้านการเกษตร การศึกษา และการดำเนินชีวิตแล้วพระองค์ยังทรงเป็นแบบอย่างทางด้านการดนตรี ด้านศิลปะ ทำให้พระองค์ถูกยกย่องให้เป็นอัครศิลปิน นอกจากนั้นพระองค์ยังมีความเชี่ยวชาญด้านกีฬาโดยเฉพาะกีฬาเรือใบพระองค์ถึงขนาดทรงต่อเรือใบด้วยพระองค์เอง นับว่าพระองค์ทรงมีความถนัดความชำนาญในศาสตร์ทุกแขนงอีกทั้งพระองค์ยังทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยทศพิธราชธรรมทรงมีพระราชศรัทธาตั้งมั่น ทรงแตกฉานในพระศาสนา ทรงเป็นพระประมุขที่ดียิ่งมีความปรีชาในทุกด้าน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างทุกพระราชดำริทุกพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงกระทำนั้นก็เพื่อให้ราษฎรของพระองค์อยู่อย่างเป็นสุขไม่เดือดร้อนและเป็นทุกข์แม้จะต้องแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อที่พระองค์ต้องประสบพบเจอก็ตามซึ่งแสดงถึงความรักความใส่พระราชหฤทัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมีต่อปวงชนชาวไทยและเป็นการเน้นย้ำถึงพระปฐมบรมราชโองการที่มีต่อชาวไทยที่ว่า     ‘‘เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม’’ซึ่งพระองค์ทรงกระทำตามคำพระราชดำรัสในวันนั้นได้จริงและยังทรงทำได้ดียิ่งกว่า
        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชต้องทรงเหน็ดเหนื่อทั้งแรงใจและแรงกายทรงทำอะไรต่างๆมากมายให้แก่ปวงชนชาวไทยและประเทศไทยเป็นเวลายาวนานมากกว่า ๖O ปี พระองค์ทรงทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้ลูกๆของพระองค์อยู่อย่างเป็นสุขและไม่เดือดร้อนแล้วพวกเราชาวไทยเคยตอบแทนหรือถวายส่งคืนอะไรให้เป็นของขวัญแด่พ่อหลวงของพวกเราบ้างรึเปล่าลองหันกลับมามองดูที่ตัวของเรา

เพลง ของขวัญจากก้อนดิน
ศิลปิน เบิร์ด ธงไชย  แมคอินไตย์
เราทุกคนก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง
                                                เปราะบาง ไร้ค่า ไร้ความหมาย
           อ่อนแอเหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป
                                                เมื่อน้ำแห้งไป  ก็แตกระแหง....
                                                มีพลัง  เพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา
                                                เหนี่ยวรั้ง เราไว้ ให้กล้าแข็ง
                                                รวมผู้คนมากมาย  ให้ทรงพลังแข็งแรง
                                                รวมเม็ดดินทุกเม็ด  ให้เป็นแผ่นดิน....
                                                เราก็รู้  พ่อต้องเหนื่อสักเพียงไหน
                                                ต้องลำบากใจกาย  ไม่เคยสิ้น
                                                เพราะพ่อรู้  พ่อคือ....พลังแห่งแผ่นดิน
                                                ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป.....
                                                หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง
                                                เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม
                                                บวกกันเป็นดินเดียว  ให้พ่อได้สุขใจ
                                                ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป  อย่างที่เป็นมา

                                                เราก็รู้  พ่อต้องเหนื่อสักเพียงไหน
                                                ต้องลำบากใจกาย  ไม่เคยสิ้น
                                                เพราะพ่อรู้  พ่อคือ....พลังแห่งแผ่นดิน
                                                ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป.....

                                                หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง
                                                เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม
                                                บวกกันเป็นดินเดียว  ให้พ่อได้สุขใจ
                                               ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป  อย่างที่เป็นมา….
                                                ช่วยกันทำความดีให้พ่อได้สุขใจ
                                                                                    ไม่ต้องเหนื่อเกินไป  อย่างที่เป็นมา
                                                By    แพรและเพื่อนๆที่ช่วยรวบรวมข้อมูล

3 ความคิดเห็น: