2012 วันสิ้นโลก

2012 วันสิ้นโลก
ประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากที่สุดในโลก
เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ?


         ตลอดระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปีที่ผ่านเชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินถึงเรื่องเกี่ยวกับวันสิ้นโลก มีบุคคลหลายกลุ่มออกมาบอกว่า วันสิ้นโลกจะเกิดขึ้นจริงใน ค.ศ.2012 หรือ พ.ศ.2555 นี้แต่ก็ยังมีพวกเหล่านักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ หรือผู้ที่ศึกษาทางด้านธรณีวิทยาหลายท่านออกมายืนยันเช่นกันว่าจะไม่เกิดวันสิ้นโลกใน ค.ศ.2012 นี้แน่ๆแต่อาจเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งเรียกได้ว่าอีกนานมากๆ แต่บางท่านก็บอกว่ามันเป็นแค่การเปลี่ยนทางภูมิศาสตร์เท่านั้น ดังนั้นคงจะถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะมาลองศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวเรื่องวันสิ้นโลกนี้อย่างจริงจังและเป็นข้อมูลที่ถูกต้องโดยส่วนตัวแพรเองรู้เฉยๆเรื่องราวเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้ประมาทเพราะถ้ามันจะเกิดขึ้นจริงๆก็คงไม่สามารถห้ามมันได้เพราะมันคือธรรมชาติแต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงมีความสงสัยยังค้างคาใจว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆหรือเปล่าก็เลยอย่างชวนทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อมๆกันเพื่อไขปัญหาที่อยู่ในใจของพวกเราเพราะมันคือเรื่องระดับโลก ไม่ใช่แค่ภายในประเทศของเราเท่านั้นหรือจะเรียกว่า เป็นอนาคตของมนุษยชาติเลยก็ว่าได้
         เรื่องราวเกี่ยวกับวันสิ้นโลกนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากชนเผ่ามายาซึ่งความคิดนี้เป็นความคิดต่อเนื่องมาจากปฏิทินของชนเผ่ามายา ชนเผ่าโบราณที่มีความเชี่ยวชาญด้านกาลเวลาและดาราศาสตร์ ซึ่งนับเอาวันดังกล่าวเป็นวันสิ้นสุดของปฏิทินลอง เคาต์ (Long Count) หรือที่ถือเป็นปฏิทินฉบับที่ 3 ของชาวมายา นอกเหนือไปจากนั้นยังมีอีก 2 ฉบับ ซึ่งฉบับแรกเป็นฉบับที่เป็นปฎิทินปกติ และฉบับสองเกี่ยวกับศาสนา  "จริง ๆ ชาวมายาไม่ได้กำหนดวันสิ้นโลกไว้อย่างชัดเจน ซึ่งปฏิทินแบบ Long Count เป็นการคำนวณระยะยาว ซึ่งแบ่งได้ 5 ยุค และปัจจุบันนี้เป็นยุคที่ 5 ซึ่งยุคที่ 5 นี้เริ่มต้นเมื่อ 5,000 กว่าปีมาแล้ว แล้ววันสิ้นสุดของยุคนี้ แปลความออกมาได้ว่าเป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2012 แต่ก็ไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
      ซึ่ง  คุณ  ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์ คอลัมนิสต์ นักคิด นักเขียนอิสระ และผู้เขียนหนังสือ ๒๑ ธันวาคม ค.ศ.๒๐๑๒ วันพลิกชะตาโลก ให้ความรู้เกี่ยวกับชนเผามายาไว้ว่า
         เรื่องราวของชาวมายา ผู้อาศัยอยู่ในดินแดนยูคาทาน ในเม็กซิโกและกัวเตมาลาในราวศตวรรษที่ 3-16 ก่อนคริสตกาล ค่อนข้างลึกลับน่าค้นหา สมัยนั้นอาณาจักรมายาได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรือง แต่แล้วอารยธรรมของชนเผามายาก็ล่มสลายอย่างหาเหตุผลไม่ได้ ยิ่งเป็นปริศนาให้คนรุ่นหลังสนใจในชนเผ่านี้มากขึ้นไปอีก"ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ชาวมายาทิ้งไว้ให้ จะถูกนำไปตีความเสมอ ๆ โดยเฉพาะเรื่องวันสิ้นสุดโลก" 
          ชาวตะวันตก เช่น นักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์สมัครเล่น คือ คนกลุ่มแรก ๆ ที่นำสิ่งต่างของชนเผามายานั้นมาตีความ จนข้อมูลต่าง ๆ เริ่มแพร่วงกว้างมากขึ้น และลามไปถึงวงการนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ เป็นที่มาของทฤษฎีและความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่กลายเป็น "ประเด็น" ในโลกปัจจุบัน ตามมาด้วยการตีความสิ่งที่จะเกิดขึ้นใน 1 ปีข้างหน้าที่จะถึงนี้ ไว้ 2 กระแสแบบตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง
         แบบแรก - มองโลกในแง่บวก เป็นทฤษฎีของกลุ่มนิวเอจ (New Age Theories) ที่เสนอว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในแง่ดีขึ้นทั้งกายภาพและทางจิตวิญญาณ
         "ทฤษฎีหนึ่งซึ่งเสนอโดย เทเรนซ์ แมคเคนนา กล่าวถึง "สภาพความใหม่ (novelty)" ซึ่งนิยามว่าเป็นการเพิ่มขึ้นของความเชื่อมโยงระหว่างกันและกันของสิ่งต่าง ๆ ในเอกภพ และสภาพความใหม่ดังกล่าวจะพุ่งสูงสุดเป็นอนันต์ในปี 2012" ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดมุมมองในโลกวิทยาศาสตร์
         แบบสอง - มองโลกในแง่ลบ เป็นทฤษฎีวันสิ้นโลก (Doomsday Theories) เสนอว่าจะเกิดหายนะครั้งใหญ่หลวง ที่จะส่งผลกระทบต่อมนุษย์และโลกอย่างกว้างขวาง
        "พูดถึงการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกในปีดังกล่าว ซึ่งเกิดจากปรากฏการณ์ลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ครั้งมโหฬาร หมายถึงการระเบิดในระดับพื้นผิวของดวงอาทิตย์ เชื่อกันว่า ปี 2012 จะเกิดจุดบนดวงอาทิตย์มากที่สุด และสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์จะแปรปรวนมากที่สุด เรียกว่า โซลาร์แม็กซิมัม (solar maximum)"

         พ้องกับข้อมูลจาก NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration : หน่วยงานตรวจสอบและรายการอากาศ ข้อมูลระดับน้ำ และแจ้งเตือนภัยจากภัยธรรมชาติที่เกี่ยวข้องสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา) ที่ระบุไว้ว่า โซลาร์แมกซิมัมจะเกิดในเดือนพฤษภาคม 2013
        
จุดบนดวงอาทิตย์ที่ ดร.บัญชา อ้างถึง คือ "จุดดับ" ซึ่งมีการตีความกันต่อว่า ปี 2012 จะเกิดการระเบิดของจุดดับ หรือ การปะทุของดวงอาทิตย์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พายุสุริยะ
         "บางทฤษฎีก็เอาเรื่องดาราศาสตร์มาโยง ว่า ณ ช่วงเวลานั้น ดวงอาทิตย์ จะโคจรมาอยู่ในแนวเดียวกับดาวพฤหัส และดาวเสาร์ ซึ่งจะส่งอิทธิพลต่อจุดดับของดวงอาทิตย์อย่างมหาศาล ชนิดทำลายล้างโลกได้ มันก็ไม่ถึงกับมีเหตุผลสักเท่าไหร่ ก็เหมือนกับที่มีคนบอกว่าน้ำท่วมกรุงเทพฯ นั่นแหละ ยังโต้กันไปโต้กันมา" ชัชรินทร์ กล่าว
         ยังจะมี "ดาวเคราะห์นิบิรุ" ที่ลือกันตั้งแต่ปี 1995 ว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้จะพุ่งเข้าชนโลกในปีเดียวกันนี้อีก (ที่มาของข่าวชิ้นนี้ ว่ากันว่า คือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาจากนอกโลก)

แต่การค้นหาข้อเท็จจริงในเชิงวิทยาศาสตร์จากแนวคิดจากข้อคิดเห็นของนักวิทยาศาสตร์นั้นกลับมีความเหมือนและความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันจึงทำให้ในฟากวิทยาศาสตร์ ดร.บัญชา เผยว่า หนังสือ The Maya ซึ่งเป็นเล่มแรกที่จุดพลุเรื่อง 2012 ซึ่งเขียนโดย Michael D.Co ฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก (ค.ศ.1966) ระบุว่า เอกภพนี้จะถูกทำลายล้างในวันที่ 24 ธันวาคม 2011
         หากในการพิมพ์ครั้งที่ 2 วันดังกล่าวถูกปรับเป็น 11 มกราคม 2012 และ การตีพิมพ์ครั้งที่ 3 ก็เลื่อนไปเป็น 23 ธันวาคม ปีเดียวกัน
   "ส่วนเรื่องการเรียงตัวในแนวเดียวของดวงอาทิตย์ ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ในแนวเดียวกับหลุมดำมวลมหาศาล (supermassive black hole) ซึ่งเชื่อว่าความโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์และหลุมดำ จะผนึกกำลังกันทำให้เกิดความปั่นป่วนในโลก แต่ควรรู้ด้วยว่า หลุมดำดังกล่าวอยู่ห่างจากโลกถึง 30,000 ปีแสง จนมิอาจส่งผลใด ๆ ที่มีนัยสำคัญต่อโลกและระบบสุริยะได้" ข้อเท็จจริงจาก ดร.บัญชา
    แต่ในส่วนของนักคิด นักเขียนอย่างชัชรินทร์ ที่ตอนนี้หันมาศึกษาด้านศาสนาอย่างจริงจังนั้น วิเคราะห์ถึงปรากฏการณ์ "โต้กันไปโต้กันมา" ระหว่างฝั่งเชื่อและไม่เชื่อว่า เกิดจากขอบเขตความรู้ด้านจักรวาลของนักวิทยาศาสตร์ยังมีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้น การเอาข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่น้อย ไปคัดค้านกับความเชื่อที่เต็มไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา   "ด้วยความที่ยังตอบในหลาย ๆ คำถามไม่ได้ มันจึงไม่สามารถหักล้างความเชื่อทางโบราณได้ มิหนำซ้ำ กลับยิ่งโจษจันกันมากขึ้นเมื่อ   "คุณ ชัชรินทร์ บอกอีกว่า คงต้องขึ้นกับสติ และวิจารณญาณของผู้อ่าน ผู้ฟัง ผู้ที่ศึกษา
        แต่ก็อย่างที่ คุณ ชัชรินทร์ ได้กล่าวไว้ว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ยังคงมีน้อยไม่สามารถนำมาหักล้างความเชื่อเหล่านี้ได้ จึงทำให้มีหลายๆคำถามที่วิทยาศษสตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้
        ดร.อนนท์ ได้กล่าวไว้ว่า"ตอนนี้มันไม่มีที่ชัดเจนว่ามันจะเกิดขึ้นได้ อย่างน้อย ๆ ในความรู้ทางวิทยาศาสตร์ตอนนี้ยังไม่มีภาวะคุกคามอะไรที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น" ดร.อนนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ชี้แจงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของกระแสดังกล่าว พร้อมทั้งให้ข้อมูลว่า
การที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ถึงขนาดทำให้โลกสูญสิ้นได้นั้น ไม่มีทางเกิดในระยะเวลา 1-2 ปี แน่นอน เพราะถือว่าเป็นระยะเวลาเพียงสั้น ๆ แต่หากกล่าวถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็มีบ้างที่จะปะทุขึ้นมา  เนื่องมาจากเป็นภัยพิบัติที่เราอาจไม่เคยรู้มาก่อน หรือในกรณีที่คาดการณ์ว่ามีอุกกาบาตใหญ่เข้ามาชนดาวเคราะห์สีน้ำเงิน ก็ยังมีความเป็นไปได้น้อย
และสัญญาณที่ระบุว่ามีวัตถุขนาดใหญ่พอที่จะคุกคามโลกได้นั้นยังไม่มี แต่เราจะบอกว่าปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์เลยก็ไม่ได้ แต่ว่ายังไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ เพราะว่ายังมีเรื่องอื่นให้ต้องกังวลมากกว่า อย่างเรื่องของภัยพิบัติขนาดเล็ก ขนาดเล็กที่ว่าก็ตายเป็นแสน ๆ ได้ เช่น สึนามิ แต่ก็ยังไม่ถึงสิ้นโลก และเหตุการณ์แบบนี้มันพร้อมที่จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้และกับบางประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องการเรียงตัวของดวงดาว ดร.อนนท์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใด ๆ นอกจากระดับน้ำทะเลขึ้น-ลง เล็กน้อย เช่นเดียวกับการสลับขั้วของแม่เหล็กโลกที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง และแต่ละครั้งกว่าจะเกิดได้ต้องใช้เวลานานมากไม่ใช่แค่ 1-2 ปีอย่างแน่นอนนอกจากนั้น ดร.  ต่ออีกว่า "แต่วิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ยังมีอีกหลายเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่ายังไม่รู้ หรือรู้ไม่จริง หรือรู้ผิดดังนั้นมันก็คือยังมีความเสี่ยง เราคงต้องจัดลำดับความสำคัญของการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง"            ทั้งนี้ ชัชรินทร์ กล่าวว่า คงเป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดของคนในสังคมไทยได้ แทนที่จะสนใจแต่เรื่องส่วนตัว กลับทำให้สังคมตื่นตัวและหันมาสนใจเรื่องของภัยพิบัติมากขึ้น แต่ถ้าตัดเรื่องวันออกไปและดูแนวโน้มดาวเคราะห์สีฟ้าในปัจจุบัน ชัชรินทร์ยอมรับว่า โลกกำลังเคลื่อนไปสู่หายนะจริง ๆ"ไม่ใช่เพราะสิ่งที่มาจากนอกโลก แต่เพราะผู้คนในโลกที่จะนำไปสู่การสิ้นสุดเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ชั้นบรรยากาศที่ถูกโลกอุตสาหกรรมทำลายมาติดต่อกันเกินกว่า 200 ปี วิถีชีวิตแบบทุนนิยมที่เป็นส่วนหนึ่งของภาวะเรือนกระจก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ความร้อนที่สูงขึ้น โรคระบาดกลายพันธุ์ ฯลฯ" นอกจากนั้น ชัชรินทร์ ยังเปิดเผยต่อว่านักวิทยาศาสตร์อย่าง สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง , อาร์เธอ ซี คลาก ที่รับรู้เรื่องนี้มาตลอด ประกาศนับถอยหลังมาตั้งแต่2-3 ที่แล้ว  "มีการเลื่อนนาฬิกาสิ้นโลกให้เหลืออีกแค่ 5 นาที เดิมที นาฬิกาเรือนนี้ถูกตั้งไว้ให้เหลือเวลา 7-8 นาทีในยุคสงครามเย็น แต่พอสิ้นสุด เหตุการณ์สงบ ก็ถูกเลื่อนเวลาให้เหลือมากกว่านั้น แต่สุดท้ายด้วยปัจจัยต่าง ๆ นานา ข้างต้น นักวิทยาศาสตร์สรุปกันแล้วว่า เข็มนาทีต้องมาหยุดที่เลข 11"

        และอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เรื่องของ 2012 วันสิ้นโลกกลายเป็นประเด็นที่พูดกันไปทั่วโลกก็คือ ภาพยนต์
2012 วันสิ้นโลก เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวหายนะและวันสิ้นโลก อำนวยการสร้างโดยโรแลนด์ เอ็มเมอริค นำแสดงโดย จอห์น คูแซก อมานดา พีท แดนนี่ กลอเวอร์ ทันดี นิวตัน โอลิเวอร์ แพลท ชิเวเทล อีจีโอฟอร์ วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกเผยแพร่โดยค่ายหนังโคลัมเบียพิกเจอส์ โดยที่การถ่ายทำภาพยนตร์เริ่มต้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2551 ในเมืองแวนคูเวอร์ มีกำหนดการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกช่วงเดือนพฤศจิกายน สำหรับประเทศไทยเข้าฉายในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
       ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับความหายนะที่เกิดขึ้นทั่วโลกนำไปสู่จุดจบของโลก และผู้ที่รอดชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ภาพยนตร์สะเทือนความรู้สึกจากปรากฏการณ์ภัยพิบัติหลายรูปแบบ จากสมมติฐานคำทำนายของชาวมายา ที่ทำนายถึงเหตุการณ์วันสิ้นโลกที่จะเกิดขึ้นในเวลาใดเวลาหนึ่งในช่วงเหมายัน พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012)  มีหลักฐานการสิ้นสุดของเวลาอยู่ในปฏิทินเมโสอเมริกัน (ปฏิทินมายา) ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555
ซึ่งตัวอย่างภาพยนตร์ชุดแรกที่ทางสตูดิโอเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ในตัวอย่างแสดงถึงคลื่นยักษ์สึนามิที่กำลังจะท่วมเข้าซัดเทือกเขาหิมาลัย ในทิเบต พร้อมทั้งกับมีข้อความคำโปรยว่า “How would the governments of our planet” “Prepare six billion people” “For the end of the world?” “They wouldn't”
ต่อมาได้มีตัวอย่างภาพยนตร์อีกชุดหนึ่ง (ชุดที่สอง) เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ในเนื้อเรื่องแสดงถึงเหตุการณ์ภัยพิบัติหลายรูปแบบ ทั้งการพังทลายของคริสโตรีเดนเตอร์ ในบราซิลระหว่างเกิดแผ่นดินไหว การปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟที่อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน การเคลื่อนตัวของรอยเลื่อนซานอันเดรียสทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงมาก ทำให้เมืองลอสแอนเจลิสและส่วนอื่นๆ ทางใต้ของแคลิฟอร์เนียพังทลายแล้วจมลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก แผ่นดินไหวที่อิตาลีทำให้มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ที่นครรัฐวาติกันพังทลาย แผ่นดินแยกขนาดใหญ่ที่ลาสเวกัส และการถล่มของสึนามิขนาดมโหฬารทั่วโลก และคลื่นสึนามิที่พัดเอาเรือยูเอส จอห์น เอฟ เคเนดี ทำลายทำเนียบขาวที่เมืองวอชิงตัน ดี.ซี. นอกจากนี้ยังมีฉากเรือขนาดใหญ่ที่สร้างโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศ G8 เพื่อปกป้องผู้คนที่จ่ายเงินซื้อตั๋วเป็นเงิน1,000ล้านยูโร เพื่อรอดชีวิตจากเหตุการณ์วันสิ้นโลกที่ส่งผลให้ผู้คนทั่วโลกหันมาสนใจและศึกษาเกี่ยวกับวันสิ้นโลก 2012 ถ้าคิในแง่ดีมันเป็นการกระตุ้นเตือนให้พวกเราหันมาเอาใจใส่โลกใบนี้โลกที่เราเกิดโลกที่เราอาศัยอยู่ หันกลับมาเอาใจใส่สิ่งแวดล้อมรอบตัวมากยิ่งขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าเราไม่สามารถจะตอบคำถามได้ว่าวันสิ้นโลกมันจะเกิดขึ้นจริงหรือเปล่าและถ้าเกิดขึ้นจริงจะเกิดขึ้นเมื่อไรแต่สิ่งที่รู้คือพวกเรายังคงมีเวลาพอที่จะแก้เรื่องผิดๆที่ทำต่อโลกอาจจะแก้ไขได้ไม่หมดแต่ก็ดีกว่าไม่คิดจะทำอะไรเลยเหมือนยังที่นักวิทยาศาสตร์หลายท่านเคยกล่าวไว้ว่า  "มีการเลื่อนนาฬิกาสิ้นโลกให้เหลืออีกแค่ 5 นาที เดิมที นาฬิกาเรือนนี้ถูกตั้งไว้ให้เหลือเวลา 7-8 นาทีในยุคสงครามเย็น แต่พอสิ้นสุด เหตุการณ์สงบ ก็ถูกเลื่อนเวลาให้เหลือมากกว่านั้น แต่สุดท้ายด้วยปัจจัยต่าง ๆ นานา ข้างต้น นักวิทยาศาสตร์สรุปกันแล้วว่า เข็มนาทีต้องมาหยุดที่เลข 11ตัวแพรเองก็ไม่เข้าใจถึงคำพูดเหล่านี้ แต่แพรคิดว่า เราน่าจะยังกำหนดเวลาสิ้นโลกได้เหมือนถ้าเรามีเวลาแค่ 8 นาทีก่อนโลกใบนี้จะเปลี่ยนไป ถ้าเราทำดีต่อโลกทำดีต่อกัน เราจะมีเวลาเพิ่มขึ้นเป็น 10 นาที แต่ถ้าหากเราทำร้ายโลกทำลายสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราเราก็จะถูกลดเวลาลงไปเหลือเพียง 6 นาที ถ้ายังทำอีกทำไปเรื่อยๆสุดท้ายแล้โลกสีฟ้าๆเขียวๆของเราอาจจะหายไปเลยก็เป็นไปได้สุดท้ายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเราขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราเป็นเปลี่ยนตัวเองก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนคนอื่นไปพร้อมๆกันแล้วเราจะยังคงได้อยู่ในโลกที่สวยงามแบบนี้ต่อไปแพรคิดไปนั้น
 สุดท้ายแล้วไม่ว่าโลกใบนี้จะแตกหรือไม่จะยังอยู่หรือหายไปข้อเพียงคุณมีสติพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งที่จะได้พบเจอข้างหน้าแพรเชื่อว่าทุกคนคงมีความพร้อมที่จะพบเจอกับเรื่องราวนั้นจงระลึกอยู่เสมอว่าทุกสิ่งที่คุณได้พบมันคือผลจากการกระทำของคุณเอง 
                                                                                    By      แพร และเพื่อนๆที่ช่วยค้นหาข้อมูล
ฝากขอบคุณ :  ที่สำคัญที่สุดขอขอบคุณแหล่งข้อมูลต่างที่ให้ความเอื้อเฟื้อและหากมีข้อมูลส่วนไหนผิดพลาดจากข้อเท็จต้องขออภัยด้วยนะค่ะ !
                                                   !!พบกันใหม่ถ้าโลกไม่แตกในชื่อ เห็นมั้ยมันไม่แตก !!